🇹🇭 ภาษาไทย    🇬🇧 English

คู่มือยกกระชับหน้าฉบับสมบูรณ์ (2026)

คู่มือยกกระชับหน้า

ฉบับสมบูรณ์ (2026)

วิเคราะห์ทุกชั้นผิว

และเทคโนโลยีแก้ปัญหาหย่อนคล้อย

วิเคราะห์ทุกชั้นผิวและเทคโนโลยีแก้ปัญหาหย่อนคล้อย


เมื่อคุณส่องกระจกแล้วเห็นกรอบหน้าที่ไม่คมชัดเหมือนเดิม, ร่องแก้มที่ลึกและชัดขึ้น, หรือแก้มที่เริ่มตก หย่อนคล้อย นี่คือสัญญาณแห่งวัยที่ไม่มีใครอยากพบเจอ คำถามที่เกิดขึ้นในใจคือ "หน้าหย่อนคล้อยทำไงดี?", "ยกกระชับหน้าแบบไม่ผ่าตัดมีวิธีไหนบ้าง?", "Thermage, Ultraformer, หรือร้อยไหม จะเลือกอะไรดี? "

บทความนี้คือ "ห้องสมุด รวมสาระที่ควรรู้ เกี่ยวกับการยกกระชับใบหน้า" ที่ทีมคุณหมอ The Hourglass Clinic ตั้งใจรวบรวมองค์ความรู้ทั้งหมดมาตอบทุกข้อสงสัยของคุณ เราจะพาคุณเจาะลึกตั้งแต่โครงสร้างใบหน้า, สาเหตุที่แท้จริงของความหย่อนคล้อย, ไปจนถึงการวิเคราะห์ทุกเทคโนโลยีการรักษาที่มีในปัจจุบัน เพื่อให้คุณสามารถเลือกวิธี "ยกกระชับใบหน้า" ที่เหมาะสมที่สุดสำหรับคุณอย่างแท้จริง

ทำไมใบหน้า

ถึงหย่อนคล้อย?

รู้จัก 5 ชั้นโครงสร้างใบหน้า

ไขความลับ :


การยกกระชับใบหน้าที่มีประสิทธิภาพ ไม่ใช่แค่การจัดการที่ "ผิวหน้า" เท่านั้น แต่คือการทำความเข้าใจโครงสร้างทั้งหมดที่อยู่ลึกลงไป โดยใบหน้าของเราประกอบด้วยชั้นที่ซับซ้อนเปรียบเสมือนตึกหลายชั้น เมื่อส่วนใดส่วนหนึ่งทรุดโทรม ก็จะส่งผลกระทบต่อกันเป็นทอดๆ โดย 5 ชั้นโครงสร้างหลัก (นับจากชั้นที่ลึกสุดออกมา) ที่เกี่ยวข้องกับความหย่อนคล้อย มีดังนี้ครับ

ทำไมใบหน้าถึงหย่อนคล้อย?

รู้จัก 5 ชั้นโครงสร้างใบหน้า

อินโฟกราฟิกอธิบาย 5 ชั้นโครงสร้างใบหน้าที่เป็นสาเหตุของความหย่อนคล้อย จาก The Hourglass Clinic: 1. ชั้นกระดูก (ยุบตัว), 2. ชั้นเส้นเอ็น (อ่อนแรง), 3. ชั้น SMAS (หย่อน), 4. ชั้นไขมัน (เคลื่อนตัว), และ 5. ชั้นผิว (ขาดคอลลาเจน)

ชั้นกระดูกใบหน้า (Facial Bone)

คือ "ฐานราก" ของใบหน้า เมื่อเราอายุมากขึ้น กระดูกบริเวณเบ้าตา, โหนกแก้ม, และขากรรไกร จะเกิดการ "ทรุดตัว" ( Bone Resorption ) ทำให้ฐานรากไม่แข็งแรงเหมือนเดิม ผิวหนังและไขมันที่เคยเกาะอยู่จึงเริ่มตกลงมา

ชั้น SMAS (Superficial Muscular Aponeurotic System)

ชั้นนี้คือหัวใจสำคัญของการยกกระชับ! ชั้น SMAS คือชั้นพังผืดที่ห่อหุ้มกล้ามเนื้อใบหน้าไว้เป็นแผ่นเดียว (เหมือนตาข่ายผืนใหญ่) เมื่อชั้น SMAS นี้เริ่มหย่อนคล้อย มันจะ "ดึง" ให้ชั้นผิวหนังที่อยู่เหนือขึ้นไปตกลงมาตามกัน การผ่าตัดดึงหน้าในอดีตก็คือการเข้าไปผ่าตัดเย็บชั้น SMAS นี้นี่เอง

ชั้นกล้ามเนื้อและเส้นเอ็น (Facial Muscles & Retaining Ligaments)

เส้นเอ็น (Ligaments) ทำหน้าที่เหมือน "สลิง" ที่ยึดผิวหนังไว้กับชั้นกระดูกใบหน้า เมื่อเวลาผ่านไป เส้นเอ็นเหล่านี้จะเริ่มยืดตัวและอ่อนแรงลง ทำให้ความสามารถในการพยุงผิวลดลง

ชั้นไขมันใต้ผิวหนัง (Subcutaneous Fat)

ชั้นไขมันบนใบหน้าไม่ได้อยู่เป็นแผ่นเดียว แต่แบ่งเป็น "ช่อง" หรือ "กระเปาะ" (Fat Pads) เมื่ออายุมากขึ้น ชั้นไขมันในบางบริเวณ (เช่น ใต้ตา, ขมับ) จะฝ่อตัวลง ในขณะที่ชั้นไขมันบางส่วน (เช่น ร่องแก้ม, มุมปาก) กลับเคลื่อนตัวตกลงมา ทำให้เกิดเป็นร่องลึกและแก้มห้อย

ชั้นผิวหนัง (Skin)

เป็นชั้นนอกสุดที่เรามองเห็น เมื่อชั้นผิวหนังขาดคอลลาเจนและอีลาสติน ผิวจะสูญเสียความยืดหยุ่นและความแน่นกระชับ (Skin Laxity) ทำให้เกิดริ้วรอยตื้นๆ และไม่สามารถต้านทานแรงโน้มถ่วงได้

เจาะลึก "ชั้นผิวหนัง"

(Skin Layers)

เจาะลึก "ชั้นผิวหนัง" (Skin Layers)

โรงงานผลิตความอ่อนเยาว์


เมื่อเข้าใจโครงสร้างหลัก 5 ชั้นแล้ว เรามาซูมดูเฉพาะ "ชั้นผิวหนัง" ซึ่งเป็นเป้าหมายหลักของเทคโนโลยีส่วนใหญ่กันบ้าง

อินโฟกราฟิกเจาะลึกชั้นผิวหนัง 2 ชั้น จาก The Hourglass Clinic: 1. ชั้นหนังกำพร้า (Epidermis) คือเกราะป้องกัน และ 2. ชั้นหนังแท้ (Dermis) คือโรงงานผลิตคอลลาเจน (เสาเข็มแห่งความแข็งแรง) และอีลาสติน (สปริงแห่งความยืดหยุ่น)

ชั้นผิวหนังกำพร้า (Epidermis)

เป็นชั้นผิวนอกสุด ทำหน้าที่เป็นเกราะป้องกันผิว แม้จะไม่ได้เกี่ยวข้องกับการยกกระชับโดยตรง แต่ก็เป็นชั้นที่แสดงออกถึงริ้วรอยตื้นๆ และความหมองคล้ำของผิวหน้า

ชั้นหนังแท้ (Dermis)

นี่คือ "โรงงานผลิตคอลลาเจน" ของใบหน้า ผิวชั้นนี้อุดมไปด้วย คอลลาเจน (Collagen) ที่ทำหน้าที่เป็น "เสาเข็ม" ให้ความแข็งแรง และ อีลาสติน (Elastin) ที่ทำหน้าที่เป็น "สปริง" ให้ความยืดหยุ่น การที่ผิวจะแน่นฟูและกระชับได้นั้น ขึ้นอยู่กับความสมบูรณ์ของคอลลาเจนในชั้นนี้เป็นหลัก

4 ปัจจัยหลักที่เร่งให้หน้าหย่อนคล้อยก่อนวัย

4 ปัจจัยหลัก

ที่เร่งให้หน้าหย่อนคล้อยก่อนวัย


เรารู้แล้วว่าความหย่อนคล้อยเกิดจากอะไร แต่ปัจจัยอะไรบ้างที่ "เร่ง" ให้กระบวนการเหล่านี้เกิดขึ้นเร็วกว่าที่ควร?

อินโฟกราฟิกสรุป 4 ปัจจัยหลักที่เร่งให้หน้าหย่อนคล้อย จาก The Hourglass Clinic: 1. อายุ (Internal Aging) ทำให้คอลลาเจนลดลง, 2. แสงแดด (Photoaging) ทำลายคอลลาเจน, 3. ไลฟ์สไตล์ (มลภาวะ, น้ำตาล, ความเครียด), และ 4. แรงโน้มถ่วง

อายุ

เป็นปัจจัยภายในที่ควบคุมไม่ได้ เมื่อเราอายุเกิน 25 ปี ร่างกายจะผลิตคอลลาเจนใหม่ได้ช้าลงปีละ 1-1.5% ในขณะที่อัตราการสลายคอลลาเจนเก่ายังคงเท่าเดิม ทำให้ "บัญชีคอลลาเจน" ของเราติดลบลงเรื่อยๆ

แสงแดด (Photoaging)

ศัตรูตัวร้ายอันดับหนึ่งของใบหน้า! คือ รังสี UVA และ UVB จากแสงแดดสามารถทะลุลงไปถึงชั้นหนังแท้ และทำลาย (Degrade) เส้นใยคอลลาเจนและอีลาสตินโดยตรง ทำให้ผิวสูญเสียความยืดหยุ่นอย่างรวดเร็ว

ไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิต (Lifestyle Factors)

  • การสูบบุหรี่: สารนิโคตินทำให้หลอดเลือดหดตัว ส่งผลให้สารอาหารและออกซิเจนไปเลี้ยงผิวได้น้อยลง

  • น้ำตาล (Glycation): การบริโภคน้ำตาลมากเกินไป จะเกิดกระบวนการที่น้ำตาลไปจับกับโปรตีน (คอลลาเจน) ที่เรียกว่า กระบวนการ Glycation ทำให้คอลลาเจนแข็งตัว เปราะ และเสื่อมสภาพ

  • ความเครียดและการพักผ่อน: ความเครียดหลั่งฮอร์โมนคอร์ติซอลที่ทำลายคอลลาเจน การนอนน้อยทำให้ผิวซ่อมแซมตัวเองได้ไม่เต็มที่

แรงโน้มถ่วง (Gravity)

คือแรงดึงดูดของโลกที่กระทำต่อผิวเราตลอด 24 ชั่วโมง เมื่อโครงสร้างผิว (SMAS, เส้นเอ็น, คอลลาเจน) อ่อนแอลง ก็จะไม่สามารถต้านทานแรงดึงนี้ได้อีกต่อไป

"คัมภีร์ยกกระชับหน้า 2025"

รวมสุดยอดเทคโนโลยียกกระชับ

โดยไม่ต้องผ่าตัด

"คัมภีร์ยกกระชับหน้า 2026"

รวมสุดยอดเทคโนโลยีโดยไม่ต้องผ่าตัด


ข่าวดีคือ ในยุคปัจจุบันเราไม่จำเป็นต้องผ่าตัดดึงหน้า (Surgical Facelift) เสมอไป เทคโนโลยีทางการแพทย์ (Non-Surgical) สามารถแก้ปัญหาความหย่อนคล้อยในแต่ละชั้นผิวได้อย่างตรงจุด ซึ่งที่ The Hourglass Clinic เราได้คัดสรรเทคโนโลยีที่ดีที่สุดในแต่ละด้านมาไว้ให้คุณแล้ว

กลุ่มที่ 1: กลุ่มเครื่องยกกระชับ (Energy-Based Lifting Machine) – กระชับผิวชั้นลึกและชั้นไขมันใต้ผิว

กลุ่มนี้ใช้พลังงานความร้อนส่งลงไปใต้ผิวเพื่อกระตุ้นให้เกิดการหดตัวและสร้างคอลลาเจนใหม่ เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาผิวหลวม ขาดความกระชับ หรือมีไขมันสะสม

Thermage FLX (Monopolar RF) – "ราชาแห่งการฟื้นฟูผิวแน่น"

โปรแกรม Thermage FLX ใช้พลังงานคลื่นวิทยุแบบ Monopolar RF ส่งความร้อนแบบ "Bulk Heating" ลงไปได้ลึกและกว้างถึงชั้นหนังแท้และชั้นไขมันใต้ผิว ลงลึก 4.3 มิลลิเมตร โดยมีเป้าหมายหลัก คือทำให้ชั้นผิว "แน่น" (Tightening), จัดระเบียบไขมันส่วนเกินบริเวณแก้มและเหนียง, และกระตุ้นคอลลาเจนใต้ชั้นผิวให้เกิดการสร้างใหม่ ช่วยฟื้นฟู กระชับผิว และปรับปรุงคุณภาพผิวในคราวเดียวกัน

อ่านต่อ : [เจาะลึกเทคโนโลยี Thermage FLX และเทคนิค THC Vector ที่เหนือกว่า]

Ultraformer III (MMFU) – "ผู้เชี่ยวชาญการยกกระชับชั้น SMAS"

โปรแกรม Ultraformer III จะใช้คลื่น Ultrasound ความเข้มข้นสูงเทคโนโลยี Micro and Macro Focused Ultrasound (MMFU) ยิงโฟกัสเป็น "จุดเล็กๆ" ลงไปลึกถึง "ชั้น SMAS" ซึ่งเป็นชั้นเดียวกับการผ่าตัดดึงหน้า โดยมีเป้าหมายหลักเพื่อทำให้ ทำให้ชั้น SMAS "หดตัว" (Lifting) เกิดการยกกระชับโครงสร้างใบหน้าโดยตรง เหมาะกับการปรับกรอบหน้า V-Shape

อ่านต่อ : [อ่านรายละเอียด Ultraformer III และการออกแบบการยิงด้วยเทคนิค THC Vector]

อินโฟกราฟิกเปรียบเทียบ 3 กลุ่มเทคโนโลยียกกระชับหน้าโดย The Hourglass Clinic: 1. กลุ่มพลังงาน (Thermage, Ultraformer) เพื่อผิวแน่นและยิงชั้น SMAS, 2. กลุ่มร้อยไหม (THC Lock) เพื่อดึงยกผิวทันที, และ 3. กลุ่มสารกระตุ้นคอลลาเจน

กลุ่มที่ 2: การร้อยไหม (Thread Lifting) – "ยก" ผิวที่หย่อนด้วยโครงสร้างทางกายภาพ

เครื่องมือพลังงานคือการ "สร้าง" ผิวใหม่ การร้อยไหมก็คือการ "ยก" ผิวเก่าขึ้นไปรอ การร้อยไหมคือการใช้ไหมละลายที่มีเงี่ยงสอดเข้าไปใต้ผิวและ "ดึง" ผิวที่ตกขึ้นไปแขวนไว้ในตำแหน่งที่ถูกต้องทันที โดยมีเป้าหมายหลักคือแก้ปัญหาความหย่อนคล้อยระดับปานกลางถึงมากที่เห็นได้ชัดเจน ให้ผลลัพธ์การยกกระชับที่รวดเร็วและชัดเจนที่สุด

อ่านต่อ : [เจาะลึกศาสตร์แห่งการร้อยไหมและเทคนิค THC Lock ที่เหนือกว่า]

กลุ่มที่ 3: สารกระตุ้นคอลลาเจน (Biostimulator & PRP) – "ปลุก" ผิวให้สร้างคอลลาเจนด้วยตัวเอง

กลุ่มนี้คือเทรนด์ล่าสุดของการ "ย้อนวัย" ที่ไม่ใช่การเติมเต็ม แต่คือการกระตุ้นให้ร่างกายซ่อมแซมตัวเอง

Collagen Biostimulator (เช่น Sculptra, Gouri, Radiesse)

โดยสาร Collagen Biostimulator จะเข้าไป "กระตุ้น" เซลล์ Fibroblast ให้ตื่นตัวและกลับมาผลิตคอลลาเจน Type 1 (คอลลาเจนแห่งความแข็งแรง) ด้วยตัวเอง โดยมีเป้าหมายหลักคือ ฟื้นฟูคุณภาพผิวในระยะยาว (Skin Quality) ให้ผิวแน่นฟู อิ่มน้ำ และแข็งแรงขึ้นจากโครงสร้างภายใน

การบำบัดด้วยเกล็ดเลือดเข้มข้น (Concentrated Platelet Therapy)

คือการนำเกล็ดเลือดของตัวเราเองมาปั่นแยกให้ได้เกล็ดเลือดเข้มข้น ( Concentrated Platelet ) และฉีดกลับเข้าไป Growth Factor จำนวนมหาศาลที่อยู่ในเกล็ดเลือดจะช่วยซ่อมแซมผิวที่เสื่อมสภาพ โดยมีเป้าหมายหลักคือ ช่วยฟื้นฟูผิวให้ดูสดใส สุขภาพดี ลดริ้วรอยตื้นๆ กระตุ้นการสร้างตอลลาเจน และเป็นทางเลือกธรรมชาติ 100%

ตารางเปรียบเทียบ

4 เทคโนโลยียกกระชับยอดนิยม

ตารางเปรียบเทียบ 4 เทคโนโลยียกกระชับยอดนิยม

เลือกวิธีไหนที่ใช่สำหรับคุณ?


เพื่อให้คุณเห็นภาพได้ชัดเจนที่สุด เราได้สรุปความแตกต่างของ 4 เทคโนโลยีหลักมาให้ในตารางนี้แล้วครับ

คุณสมบัติ
/ หัตถการ
การร้อยไหม
Thread Lifting
Thermage FLX Ultraformer III /
Ulthera
Collagen
Biostimulator
กลไกการทำงาน เน้นการดึงทางกายภาพ
(ดึง/เกี่ยว)
SMAS
ปรับ/ยึด โครงสร้างใบหน้า
พลังงานความร้อน
Monopolar RF
กระจายทั่วชั้นผิว
พลังงานคลื่นเสียง
(แบบจุดโฟกัส)

หรือ ที่เรียกว่า HIFU
(High Intensity
Focused Ultrasound )
เน้นกลไกทางชีวภาพ
(กระตุ้นการสร้าง
คอลลาเจนใหม่)
เป้าหมายหลัก ดึงยก (Lifting),
เน้นการยกกระชับแบบทันที
ผิวแน่น (Tightening),
กระชับไขมันใต้ผิว
ยกกระชับ (Lifting),
หดชั้น SMAS
ฟื้นฟูคุณภาพผิว
(Skin Quality)
ระดับชั้นผิวที่ทำงาน ชั้น SMAS
และ ชั้นไขมันใต้ผิว
ทุกชั้นผิว
( All Skin Layers )
และชั้นไขมันใต้ผิว
ชั้น SMAS ชั้นหนังแท้ ( Dermis )
ผลลัพธ์ที่ได้รับ กรอบหน้าคมชัด,
ใบหน้าดูยกทันที
ผิวแน่นฟู ,ผิวมีความกระชับ หน้าเรียว, V-Shape,
กรอบหน้าชัด
ผิวแน่นอิ่มฟู,
ผิวสุขภาพดีขึ้น
เหมาะกับปัญหา ใบหน้าหย่อนคล้อยชัดเจน ผิวหลวม, ไขมันแก้มเยอะ กรอบหน้าไม่ชัด
ใบหน้าไม่กระชับ
ผิวบาง ไม่กระชับ,
ริ้วรอยเล็กๆ, รูขุมขนกว้าง

คำถามที่พบบ่อย

เกี่ยวกับการยกกระชับใบหน้า ( FAQ )


Q: ยกกระชับหน้าแบบไม่ผ่าตัด วิธีไหนดีที่สุด?

A: ไม่มีวิธีที่ดีที่สุด "วิธีเดียว" ครับ แต่วิธีที่ "เหมาะสมที่สุด" กับปัญหาของคุณมีแน่นอน เช่น ถ้าคุณ "ผิวหลวม ไม่กระชับ และไขมันใต้ชั้นผิวเยอะ" Thermage FLX อาจดีที่สุด หรือ ถ้าคุณ "กังวลปัญหากรอบหน้าไม่ชัด" Ultraformer III หรือ การทำ Ulthera อาจตอบโจทย์ หรือ ถ้าคุณ " กังวลใบหน้าหย่อนคล้อยชัดเจนและต้องการผลเร็ว " การร้อยไหมอาจดีที่สุด ดังนั้นการปรึกษาแพทย์ผู้มีประสบการณ์เพื่อทำการวิเคราะห์ปัญหาของใบหน้า ก่อนเลือกทำหัตถการคือคำตอบที่ดีที่สุดครับ

Q: Thermage, Ultraformer / Ulthera (HIFU), และร้อยไหม ต่างกันอย่างไร?

A: สรุปง่ายๆ คือ Thermage เน้น "ผิวแน่น" (Tightening) / Ultraformer / Ulthera เน้น "ยกชั้น SMAS" (Lifting) / ร้อยไหม เน้น "ดึง" (Mechanical Lifting) ให้เห็นผลทันที (สามารถดูตารางเปรียบเทียบด้านบนประกอบได้เลยครับ)

Q: อายุเท่าไหร่ควรเริ่มยกกระชับหน้า?

A: เราสามารถเริ่ม "ป้องกัน" ได้ตั้งแต่อายุ 25+ ด้วยการทำหัตถการเบาๆ เช่น Ultraformer III หรือ Thermage จำนวนช็อตน้อยๆ เพื่อกระตุ้นคอลลาเจน (Prejuvenation) แต่ถ้าเริ่มเห็นสัญญาณความหย่อนคล้อยชัดเจน (ช่วงอายุ 35+) ก็สามารถเริ่มทำโปรแกรมที่เข้มข้นขึ้นได้ครับ

Q: ทำเครื่องยกกระชับเจ็บไหม? ต้องพักฟื้นหรือไม่?

A: ทั้ง Thermage และ Ulthera หรือ Ultraformer III ขณะทำอาจจะรู้สึกอุ่นๆ หรือหน่วงๆ ใต้ผิว แต่ไม่ใช่ความเจ็บที่ทนไม่ได้ และมีการแปะยาชาก่อนทำเสมอ ข้อดีที่สุดคือ "ไม่ต้องพักฟื้น" (Zero Downtime) สามารถแต่งหน้าและใช้ชีวิตได้ตามปกติทันที

Q: ผลลัพธ์อยู่ได้นานแค่ไหน? ต้องทำบ่อยไหม?

A: โดยทั่วไปกลุ่มเครื่องมือยกกระชับใบหน้า (Thermage, Ultraformer) ผลลัพธ์จะคงอยู่ได้ประมาณ 6-12 เดือนครับ แนะนำให้ทำต่อเนื่องปีละ 1 ครั้ง ส่วนการร้อยไหมจะอยู่ได้ประมาณ 1-2 ปีเช่นกัน ขึ้นอยู่กับชนิดของไหม จำนวนเส้นไหม รวมถึงการดูแลหลังการรักษาครับ

Q: ร้อยไหม อันตรายไหม? มีผลข้างเคียงอะไรบ้าง?

A: การร้อยไหมมีความปลอดภัยสูงมาก หากทำโดยแพทย์ที่มีประสบการณ์ที่เข้าใจกายวิภาคอย่างลึกซึ้ง และใช้เทคนิคที่ถูกต้อง ผลข้างเคียงที่พบได้ทั่วไปคืออาการบวมหรือช้ำเล็กน้อย ซึ่งจะหายไปเองใน 1-2 สัปดาห์

Q: Collagen Biostimulator ต่างจาก Filler อย่างไร?

A: Filler (HA) คือการ "เติมเต็ม" (Filling) เข้าไปในจุดที่ขาด เช่น ร่องแก้ม, ขมับ เพื่อให้เห็นผลลัพธ์ทันที ส่วน Collagen Biostimulator คือการ "กระตุ้น" (Stimulating) ให้ร่างกายสร้างคอลลาเจนของตัวเองขึ้นมาใหม่ ผลลัพธ์จะค่อยๆ ปรากฏขึ้นหลังการรักษาประมาณ 3-4 ครั้ง และผลลัพธ์เน้นให้ผิวแข็งแรงขึ้นโดยรวม

Q: คนผิวบางสามารถทำ Thermage หรือ Ultraformer ได้ไหม ?

A: ทำได้ครับ แต่ต้องอาศัยความชำนาญของแพทย์ในการปรับพลังงานให้เหมาะสมกับความหนาของผิวในแต่ละบริเวณ ซึ่งที่ The Hourglass Clinic เราให้ความสำคัญกับเรื่องนี้เป็นอย่างมากครับ

Q: ทำหลายอย่างร่วมกันได้ไหม? (เช่น ร้อยไหม ทำร่วมกับ Ultraformer)

A: ทำได้ และเป็นที่นิยมมากครับ แพทย์มักจะแนะนำให้ทำ Ultraformer III เพื่อยกกระชับชั้น SMAS ก่อน จากนั้นเว้นระยะ 1-2 เดือน แล้วจึงทำการร้อยไหมเพื่อดึงเก็บในส่วนที่ยังเหลืออยู่ หรือ อาจจะเป็นการร้อยไหม เพื่อปรับรูปหน้าก่อน หลังจากนั้น 4-6 เดือน อาจเลือกทำ Thermage หรือ Ultraformer III เพื่อ maintain ผลลัพธ์ หรือ เก็บปัญหาที่เหลืออยู่ ซึ่งการรักษาแบบนี้ เราเรียวว่า “ Combination Therapy “ ซึ่งจะให้ผลลัพธ์ที่สมบูรณ์แบบและยาวนานที่สุดครับ

Q: การดูแลตัวเองหลังทำหัตถการยกกระชับมีอะไรบ้าง?

A: หลังทำการกลุ่มเครื่องยกกระชับ แทบไม่ต้องดูแลอะไรเป็นพิเศษเลยครับ เพียงแค่ทาครีมกันแดดและบำรุงผิวตามปกติ ส่วนหลังการร้อยไหม ควรงดการอ้าปากกว้างๆ, การนวดหน้าแรงๆ, หรือทำเลเซอร์ใน 2-4 สัปดาห์แรกครับ

สำหรับเนื้อหานี้เป็นเพียงจุดเริ่มต้นในการสำรวจปัญหาที่คุณกังวลใจครับ แต่การจะรู้ว่าใบหน้าของคุณต้องการการรักษาแบบใดอย่างแท้จริง ต้องอาศัยการวิเคราะห์จากแพทย์ผู้มีประสบการณ์ ความหย่อนคล้อยของคุณอาจต้องการการรักษาร่วมกันหลายเทคโนโลยีเพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุดครับ

แต่หากคุณมองหาผลลัพธ์ที่เหนือกว่ามาตรฐานทั่วไป ที่ The Hourglass Clinic เราไม่ได้ "ขายคอร์ส" แต่เรา "ออกแบบการรักษา" (Personalized Treatment Plan) ให้คุณโดยเฉพาะ เชิญเข้ามาปรึกษาทีมแพทย์ของเรา เพื่อค้นหาโซลูชันที่เหมาะสมที่สุดในการคืนความอ่อนเยาว์ให้กับใบหน้าของคุณ

อย่าปล่อยให้ความกังวลใจบั่นทอนความมั่นใจของคุณ ถึงเวลาปรึกษาผู้เชี่ยวชาญเพื่อค้นหาผลลัพธ์ที่ดีที่สุด

➡️ นัดปรึกษาคุณหมอ เพื่อประเมินรูปหน้าของคุณได้ที่นี่

ปรึกษายกกระชับใบหน้า

Content

ที่คุณไม่ควรพลาด

Content ที่คุณไม่ควรพลาด